ผมว่าทุกคนน่าจะรู้จักกับคำว่า Range หรือ Hand Range กันแล้วและเราควรจะเล่นเป็น Range มากกว่าจะเล่นเป็นแฮนด์ แต่ก็อาจจะไม่คุ้นเคยกับคำว่า Capped Range กันสักเท่าไหร่ ซึ่ง Capped Range นี้จริงๆแล้วมีผลต่อกลยุทธ์และ Winrate ในการเล่นของเรามาก เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาทำความรู้จักกันเลยดีกว่า

Capped Range ก็จะประมาณว่า Range ที่โดนจำกัดหรือ Range ที่แทบจะไม่มีแฮนด์ดีๆพวก Overpairs, Two Pairs, Set หรือพวก Straight อยู่เลย ยกตัวอย่างง่ายๆเลยก็คือสถานการณ์ BB vs BU ตรงนี้ถ้า BU Open-raise แล้ว BB ไม่ได้ 3bet ก็จะทำให้ BB เป็น Capped Range อยู่พอสมควรตรงที่ BB ไม่มีพวก Premium ที่เป็น Overpairs AA KK อยู่เลย

หรืออย่างบนบอร์ด 987 ถ้า BU Bet แล้ว BB Call เฉยๆก็เรียกว่าเป็น Capped Range ได้เช่นกันเพราะถ้าเขามี Straight หรือ Set ส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะ Raise แล้ว (กรณีนี้เราสมมติว่าอีกฝ่ายเป็นพวกที่เล่นตรงไปตรงมามีของดีๆจะ Raise ทั้งหมด)

อีกฝ่าย Capped แล้วเราทำอะไรได้บ้าง

การที่อีกฝ่ายมี Range ที่โดนจำกัดแบบนี้ เขาแทบจะแสดงว่าตัวเองมีไพ่ดีๆอยู่ไม่ได้เลย ซึ่งก็จะทำให้เขาไม่สามารถเล่น Aggressive ใส่เราได้มากนัก ทำให้ตรงนี้เราสามารถเลือกจะ Bet ราคาไหนยังไงก็ได้ เรามีไพ่กลางๆอยาก Bet เล็กก็ไม่มีปัญหา หรืออยากบลัฟกดดันเขาด้วย Overbet ก็สมเหตุสมผล

แล้วถ้าเรา Capped ควรทำยังไงดี

ถ้าเราเป็นฝ่าย Capped Range ซะเองก็เตรียมรับแรงกระแทกได้เลย อีกฝ่ายจะมาครบทั้ง Overbet ทั้งอะไร เราอาจจะต้องเปลืองเงินในการจับบลัฟมากขึ้นซึ่งถ้าเป็นไปได้เราก็ไม่ควรมาอยู่ในจุดนี้เท่าไหร่ เพราะฉะนั้น เราควรจะแก้ Capped Range ของตัวเองด้วยการผสมแฮนด์แข็งๆเข้าไปบ้าง อย่างบอร์ด 987 เราอาจจะผสมการ Call เฉยๆไปด้วยพวก Straight อย่าง T6 65 TJ บ้างเป็นครั้งคราวเพื่อไม่ให้ Range ของเราโดนจำกัดจนเกินไป

ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่อง Capped Range คร่าวๆแต่ก็พอจะเห็นภาพได้เลยว่ามีผลยังไงต่อกลยุทธ์ในการเล่นของเรา เพราะฉะนั้น เวลาเล่นทุกครั้งก็ให้เราคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วยนะครับไม่ว่าจะทั้ง Range เราหรืออีกฝ่าย ถ้าเราเข้าใจว่า Range ของตัวเองและอีกฝ่ายโดนจำกัดหรือไม่นั้นก็จะช่วยให้เราหาจุดทำกำไรได้มากขึ้นอย่างแน่นอน